Satin Textile และ PASAYA เป็นบริษัทที่คำนึงถึงการอนุรักษณ์สิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ตั้งแต่เราก่อตั้งโรงงานที่จังหวัดราชบุรี ในปี 1995 (2538) ในยุคแรก เราตั้งใจทำโรงงานที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชุมชนรอบข้าง ปราศจากมลภาวะทางอุตสาหกรรมสิ่งทอ รวมไปถึงคุณภาพชีวิตของพนักงาน ทุกอาคารในโรงงาน จึงถูกออกแบบให้เอื้ออำนวยต่อคุณภาพชีวิตของคนทำงาน และคุณภาพผลิตภัณฑ์ในทุกกระบวนการ
คุณชเล วุทธานันท์ กล่าวว่า ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจที่ผ่านมาของประเทศตลอดจนของโลก ซึ่งตามมาด้วยความเสียหายทางธรรมชาติอย่างมหาศาล จะด้วยความไม่รู้ หรือไม่ใส่ใจก็แล้วแต่ เราต่างช่วยกัน ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ด้วยการใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือย จนเกินกำลังที่ธรรมชาติจะเยียวยารักษาตัวเองได้เกิดเป็นภาวะโลกร้อน เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ จนต้องตระหนักว่า ภาวะโลกร้อน กําลังเป็นหายนะภัยที่คุกคามการดำรงอยู่ของทุกชีวิตบนโลก
ดังนั้น บริษัท สิ่งทอซาติน จำกัด และ PASAYA จึงขอร่วมสนับสนุน โดยการจัดตั้งโครงการ Mission for the world มุ่งสู่ Net Zero Emission Factory เพื่อยุติการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สุทธิเป็นศูนย์ ตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไปจนถึงวันบรรลุเป้าหมายภายในปี 2050
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับศูนย์ โดยแก๊สที่เป็นสาเหตุหลักนั่นคือ คาร์บอนไดออกไซด์ ไม่ว่าจะมาจากภาคอุตสาหกรรม คมนาคม การปศุสัตว์ และอื่นๆที่ส่งผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศของโลก การที่จะทำเป้าหมาย Net Zero Emission ให้สำเร็จไม่ใช่คนใดคนหนึ่งหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งเป็นผู้ทำ แต่เป็นการร่วมมือกันของคนทั่วโลก ให้เกิดภาวะสมดุลของคาร์บอน
“ลดการปล่อยคาร์บอน = ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก”
PASAYA เราขอเป็นหนึ่งองค์กรที่จะร่วมเป้าหมาย Net Zero Emission ในครั้งนี้ โดยการลดคาร์บอนที่เกิดจากการผลิตสินค้าของเรา ลดการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม มีการใช้น้ำแบบ Recycle 100% ภายในโรงงาน พร้อมกับการเปลี่ยนมาใช้พลังงานที่สะอาด โดยเริ่มจากการติดตั้งแผง Solar Cell และพลังงานความร้อนจากแก๊ส LPG เป็นต้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นก๊าซชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก
คุณชเล วุทธานันท์ ประธานกรรมการ บริษัท สิ่งทอซาติน จำกัด และ PASAYA กล่าวว่า
นโยบาย Net Zero Emission ที่เราตั้งใจจะลดการปล่อยคาร์บอนทั้งทางตรงและทางอ้อม พร้อมกับการปลูกต้นไม้เพื่อชดเชยคาร์บอน PASAYA มุ่งมั่นและวางแผนที่จะทำให้เป้าหมายนี้เกิดขึ้นจริงและเราตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่างๆที่จะเกิดขึ้นจากการผลิตมาตั้งแต่ก่อนเริ่มสร้างโรงงานที่จังหวัดราชบุรี
วัตถุดิบที่ใช้ต้องนำมาจากโรงงานที่เป็น Zero Emission และนี่คือประเด็นใหญ่ หากโรงงานที่เป็นซัพพลายเออร์ของเรายังไม่เริ่มทำ Zero Emission เราก็ไม่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ การที่เราปลูกต้นไม้ทดแทนเพื่อเพิ่มคาร์บอนเครดิตจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อการชดเชยคาร์บอนที่เกิดมาจากวัตถุดิบที่เราซื้อมา โดยที่การปลูกต้นไม้ 1 ไร่ สามารถดูดซึมคาร์บอนได้ 1 คาร์บอนตันต่อปี
ช่วยกันลดโลกร้อน No more fast fashion
นอกจากนี้ PASAYA เรายังคิดค้นออกแบบผลิตภัณฑ์ วางระบบการผลิตให้สินค้าทุกชิ้นมีความคงทน คุณภาพสูง และปลอดภัยจากสารเคมี สามารถใช้งานได้นาน ไม่เป็นสินค้า Fast Fashion ที่ก่อให้เกิดขยะเพิ่มขึ้น รวมไปถึงเป้าหมายในการใช้เส้นใยรีไซเคิล (Up-cycling) แทนโพลีเอสเตอร์ ไปกับการผลิตกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน ผ้าม่าน ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ และ ภาพติดผนัง Wall Mural เป็นต้น นอกจากจะมีคุณสมบัติเพื่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ทาง PASAYA มั่นใจว่า วัสดุรีไซเคิลจะไม่ทำให้เกิดการสูญเสียประสิทธิภาพดั้งเดิมของผลิตภัณฑ์อย่างแน่นอน
สืบเนื่องจากกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ที่ใช้พลังงานกันอย่างมหาศาล โดยพลังงานต่างๆเหล่านั้นมีทั้งพลังงานสะอาดที่ได้จากธรรมชาติและพลังงานที่เกิดจากการทำให้เกิดความร้อน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เชื่อเพลิงจากฟอสซิล”
อินทรีย์สารที่อยู่ใต้พื้นโลก เกิดจากการทับถมกันของซากพืชซากสัตว์ใต้ทะเลลึกเมื่อหลายพันล้านปีก่อนพร้อมกับได้รับความร้อนจากใต้พื้นพิภพ ทำให้ซากพืชซากสัตว์ที่ทับถมกันหนาแน่น และเกิดการย่อยสลายกลายเป็นแหล่งสะสมของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ที่มีขนาดใหญ่มากพอที่มนุษย์นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงและแหล่งกำเนิดพลังงานต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น ถ่านหิน , น้ำมันดิบ เป็นต้น
เมื่อเชื้อเพลิงฟอสซิลเหล่านี้ถูกนำมาเผาเพื่อตอบสนองทุกกิจกรรมของมนุษย์ เมื่อถูกความร้อนจะทำการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซอื่นๆ รวมกันเป็นก๊าซเรือนกระจก เมื่อสะสมบนชั้นบรรยากาศโลกเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก๊าซเหล่านี้เป็นตัวกักเก็บความร้อนเอาไว้ ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนขึ้น หากเราไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานตั้งแต่วันนี้ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกรุนแรงขึ้น Climate Change อุณหภูมิของโลกเราอาจจะเพิ่มขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส
ตั้งแต่ปี 1990 ก่อนสร้างโรงงานตลอดจนการออกแบบโรงงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน พัฒนาและเลือกใช้วัตถุดิบที่ปราศจากสารพิษฟอร์มาลดีไฮด์ที่เป็นสารก่อมะเร็งเพื่อให้สินค้าของเราปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้และพนักงานในสายงานการผลิต เราไม่ได้แค่เพิ่งเริ่มทำ แต่เราทำเพื่อสิ่งแวดล้อมมานานแล้ว รวมไปถึงการมีส่วนร่วมกับองค์กรหรือมูลนิธิต่างๆ ที่สนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อมและเด็ก
ปี 1990 : สนับสนุนการสร้างอนุสรณ์สถาน สืบนาคะเสถึยร ที่ อำเภอ ห้วยขาแข้ง จังหวัด อุทัยธานี
ปี 1995 - 2004 : สร้างโรงงานที่จังหวัดราชบุรี โดยเริ่มจากการสร้างระบบบำบัดน้ำ วางหลักการที่จะไม่ใช้สารเคมีเป็นพิษ ไม่ใช้โลหะหนักที่บำบัดไม่ได้ กำหนดผลิตภัณฑ์เป็น Formaldehyde free ทั้งหมด เป็นโรงงานสิ่งทอครบวงจรสีเขียวแห่งเดียวของไทย
ปี 2000 - 2020 : หาทุนจัดสร้าง, ซ่อม, ปรับปรุง หาอุปกรณ์สื่อสาร ให้จุดสกัดและหน่วยพิทักษ์ป่า
ปี 2004 : ทำโรงงานทำระบบรีไซเคิลน้ำครบวงจร นำน้ำกลับมาใช้ในขบวนการผลิตได้สำเร็จ
ปี 2014 : ผลิตภัณฑ์ได้รับ “ฉลากเขียว” และ Green Industry Label โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน
ปี 2018 - 2020 : เริ่มใช้วัตถุดิบรีไซเคิล / Upcycling สำหรับ ผ้าม่าน , ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ , พรม , textile art , หน้ากากผ้า และ Wall Mural
ปี 2021 : โรงงานเริ่มโครงการพลังงานสะอาด โซลาร์เซลล์ เปิดใช้ เดือนมกราคม 2022
ปี 2022 : จัดตั้งโครงการ โรงงานในป่า
ปี 2025 : ปลูกป่าในบริเวณโรงงานให้ครบ 100 ไร่ เพื่อดูดซึมคาร์บอนจำนวน 300คาร์บอนตันต่อปี
ปี 2030 : เลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นรีไซเคิล (upcycling) เป็นส่วนผสมไปกับกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน ผ้าม่าน ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ และ ภาพติดผนัง Wall Mural
ปี 2035 : บรรลุ Zero Emission Factory โรงงานลดการปล่อยคาร์บอนทางตรงเป็นศูนย์
ปี 2050 : บรรลุ Net Zero Emission Factory ไม่ปล่อยคาร์บอนทั้งทางตรงและทางอ้อม